Historic Thornewood Castle ปราสาท Thornewood อันเก่าแก่ในเลกวูด รัฐวอชิงตัน ไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและร่ำรวยเท่านั้น และยังมีเรื่องเล่าว่าผีที่นี่อีกด้วย
คฤหาสน์สามชั้นอันงดงามแห่งนี้สร้างโดยเชสเตอร์ ธอร์น หนึ่งในผู้ก่อตั้งท่าเรือทาโคมา ใช้เวลาเกือบสี่ปีกว่าจะแล้วเสร็จ คฤหาสน์ขนาด 27,000 ตารางฟุตในที่สุดก็พร้อมใช้ในปี 1911 มีเพียงสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นที่เข้าไปในอาคารของคฤหาสน์ รวมถึงอิฐอายุ 400 ปีจากปราสาทอังกฤษดั้งเดิม
Historic Thornewood Castle ปราสาทผีสิง
ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Kirkland Cutter หน้าต่างคริสตัลทำในอังกฤษและแผงกระจกสีมีอายุย้อนไปถึงปี 1300 คฤหาสน์สไตล์ทิวดอร์/สไตล์กอธิคแบบอังกฤษ มี 54 ห้อง รวม 28 ห้องนอน 22 ห้องน้ำ เป็นหนึ่งใน ปราสาทส่วนตัวเพียงไม่กี่แห่งในสหรัฐอเมริกา
Thorne รู้สึกทึ่งกับความยิ่งใหญ่ของคฤหาสน์เก่าแก่ในอังกฤษ และชายผู้มั่งคั่งคนนี้ก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะสร้างปราสาทและบ้านในฝันของตัวเองขึ้นมาใหม่ ปราสาท Thornewood สร้างขึ้นให้มีอายุการใช้งานยาวนานหลายศตวรรษ มีฐานรากที่แข็งแรงหนา 3 ฟุต พื้นคอนกรีตและถ่านขี้เถ้าขนาด 18 นิ้ว ผนัง 10 นิ้ว และงานไม้ที่แกะสลักด้วยมือจากไม้โอ๊คอังกฤษโบราณที่ยึดด้วยเดือยไม้เนื้อแข็ง เรือสามลำต้องได้รับมอบหมายให้ขนส่งอิฐ ไม้ และหน้าต่างเดิมรอบแหลมฮอร์นไปยังแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
หลังจากที่สร้างบ้านแล้ว Thorne ได้ว่าจ้างบริษัทภูมิสถาปัตยกรรมที่เปลี่ยนพื้นที่ 37 จาก 100 เอเคอร์ของที่ดินให้เป็นสวนแบบอังกฤษที่เป็นทางการ ซึ่งต้องใช้พนักงานประจำ 28 คนทำสวน ข้างในนั้น เจ้าหน้าที่รวมคนใช้ 40 คนเพื่อดูแลความต้องการของเชสเตอร์ แอนนา ภรรยาของเขา และแอนนิต้า ลูกสาวของพวกเขา
ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้อยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์แห่งชาติ ปัจจุบันเป็นโรงแรมขนาดเล็กในชนบทที่ได้รับการบูรณะใหม่ด้วยความรัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยทั้งหมดของที่พักทันสมัย ดินแดนแห่งนี้ยังมอบโอกาสให้แขกได้เดินเตร่บริเวณสวนอังกฤษที่สวยงามขนาด ½ เอเคอร์ และตกปลา ว่ายน้ำ และล่องเรือในทะเลสาบอเมริกัน อย่างเหมาะสม ปราสาทธอร์นวูดเป็นสถานที่ถ่ายทำมินิซีรีส์ของสตีเฟน คิง เรื่อง “Rose Red” ในปี 2002
บทความโดย : จีคลับ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *