Silver City Ghost Town เมืองผีเมืองสีเงิน ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และต้นทศวรรษ 1970 ครอบครัว Dave & Arvilla Mills ได้เริ่มลากโครงสร้างในพื้นที่ Kern Valley อันเก่าแก่ หลายแห่งถูกกำหนดให้ถูกทำลาย ไปยังที่ตั้งปัจจุบันใน Bodfish ตัวแทนในเมืองคอมโพสิตนี้มีอาคารเก่าแก่กว่ายี่สิบหลัง ส่วนใหญ่ไม่สามารถมองเห็นได้จากทะเลสาบอิซาเบลลา บูเลอวาร์ด) จากค่ายทำเหมืองของคีย์สวิลล์, แฟลตวิสกี้, อิซาเบลลาเก่า, คลาราวิลล์, ฮอตสปริง, มิราเคิล, เซาธ์ฟอร์ก
และการตั้งถิ่นฐานในเขตชายแดนอื่นๆ Silver City ถูกปิดมานานกว่า 15 ปีจนกระทั่งถูกซื้อโดยตระกูล Corlew ในปี 1990 และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สภาพทรุดโทรมและ “ทันสมัย” The Corlew ได้บันทึกการทำงานฟื้นฟูด้วยความรักมากกว่า 20,000 ชั่วโมงบนไซต์ หลายคนได้บริจาคแรงงานและการสนับสนุน และวัสดุเพื่อความพยายาม
Silver City Ghost Town เมืองผีสีเงิน
ปัจจุบันได้ดำเนินการเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีสีสันของ Kern Valley เช่นเดียวกับ Bodie Ghost Town ในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ซิลเวอร์ซิตี้ได้นำนโยบายการสลายการจับกุม Corlew กล่าวว่า “เราต้องการแสดงให้เห็นว่าด่านหน้าทองคำในท้องถิ่นดูแลทองที่หมดลงได้อย่างไร และนักขุดเดินหน้าต่อไป เราไม่ได้พยายามทำให้มันดูใหม่เอี่ยม” ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าไปในคุกอิซาเบลลาดั้งเดิมได้ (มือปืน นิวท์ วอล์คเกอร์ ถูกขังอยู่ที่นี่ในปี 1905)
ทางใต้ของทะเลสาบ ISABELLAในเมือง Bodfish รัฐแคลิฟอร์เนียมีอาคารเหมืองแร่เก่าแก่หลายแห่งตั้งอยู่รอบลานกว้าง โครงสร้างที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้มีอายุย้อนไปถึงช่วงทศวรรษ 1850 พวกเขามาจากยุคที่ไข้ทองมาเยือนภูมิภาคนี้ เมืองทั้งหมดถูกทิ้งร้างอย่างรวดเร็วเมื่อแหล่งทองคำแห้งไป อาคารต่างๆ ถูกเก็บรวบรวมโดยตระกูล Dave และ Arvilla Mills และได้ย้ายมาที่ไซต์นี้
เมืองร้างแห่งนี้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้หลายช่วงเวลา โดยล่าสุดเปิดใหม่ในปี 1992 เมืองนี้อยู่ในขั้น ทรุดโทรมที่ถูกจับกุม และผู้เยี่ยมชมสามารถเห็นอาคารต่างๆ ที่มีสิ่งประดิษฐ์และหุ่นจำลองที่น่าขนลุกสองสามตัว มีแม้กระทั่งคุกในเมืองให้เยี่ยมชมซึ่งมีข่าวลือว่าเป็นที่ตั้งของกิจกรรมอาถรรพณ์ มีประกาศทางประวัติศาสตร์อยู่รอบเมืองซึ่งอธิบายอาคารต่างๆ และให้รายละเอียดที่มาของอาคารเหล่านั้น
บทความโดย : จีคลับ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * ** * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *