Broadway Cemetery สุสานผีสิงบรอดเวย์ คอมเพล็กซ์สุสานของ Galveston ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2382 แทนที่รูปแบบการฝังศพชั่วคราว ก่อนถึงย่านสุสานบรอดเวย์ ผู้ตั้งถิ่นฐานมักฝังศพในเนินทรายใกล้อ่าวเม็กซิโก แต่ทรายก็จะเปลี่ยนรูปหรือเปลี่ยนรูป เผยให้เห็นโลงศพและเครื่องหมายการย้ายถิ่นฐาน โดยทั่วไปแล้วเครื่องหมายฝังศพเหล่านี้จะถูกแกะสลักด้วยมือหรือสร้างขึ้นจากวัสดุที่กู้ขึ้นมา ทำให้ไม่ยั่งยืนต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติของกัลเวสตันเนินทรายเป็นวิธีง่ายๆ ในการติดต่อกับคนตาย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ผล หากคุณต้องการให้คนรักของคุณถูกฝังอยู่นั่นคือ
Broadway Cemetery สุสานผีสิงบรอดเวย์
ระหว่างปี 1839 และ 1939 เขตสุสานบรอดเวย์ประกอบด้วยสุสานเจ็ดแห่งที่แตกต่างกัน อย่าถูกหลอกโดยพื้นผิว แต่สถานที่ฝังศพในเมืองเหล่านี้มีความลึกสามชั้น แม้ว่าจะมีป้ายหลุมศพประมาณ 12,000 หลุม แต่ก็มีศพที่ถูกฝังอยู่ด้านล่างถึงสามเท่าย่านสุสานบรอดเวย์มีผีสิงหรือไม่Elize Roemer Alberti และ Nicaragua Smith คือสถานที่หลอกหลอนที่โดดเด่นที่สุดของเขตนี้
แม้ว่าจะมีอีกหลายแห่งที่ต้องสงสัยก็ตามถึงกระนั้นฆาตกรและคนบ้าก็ไม่ได้เป็นเพียงผู้อาศัยในพื้นที่ฝังศพในเมืองนี้เท่านั้น สุสานผีสิงบรอดเวย์District ยังเป็นที่อยู่ของทหารและกะลาสี รัฐบุรุษและนักวิทยาศาสตร์ ผู้ใจบุญและผู้บุกเบิก ตัวอย่างเช่น จอห์น อัลเลน นายกเทศมนตรีคนแรกของกัลเวสตัน ถูกฝังไว้ภายในเขต เช่นเดียวกับจอร์จ แคมป์เบลล์ ชิลเดรส ผู้เขียนคำประกาศอิสรภาพของเท็กซัส
มีพื้นที่หกช่วงตึกและสามารถตั้งอยู่ใจกลางเมืองได้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสุสานในเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง ที่นี่จึงเป็นสถานที่อันประเมินค่ามิได้ ไม่ว่าคุณจะชอบคนใจบุญ โจรสลัด หรือนักการเมือง สุสานผีสิงบรอดเวย์District เป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด
โปรดแจ้งให้เราทราบหากคุณพบกิจกรรมเหนือธรรมชาติใดๆมีพื้นที่หกช่วงตึกและสามารถตั้งอยู่ใจกลางเมืองได้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสุสานในเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง ที่นี่จึงเป็นสถานที่อันประเมินค่ามิได้ ไม่ว่าคุณจะชอบคนใจบุญ โจรสลัด หรือนักการเมือง สุสานผีสิงบรอดเวย์ District เป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด โปรดแจ้งให้เราทราบหากคุณพบกิจกรรมเหนือธรรมชาติใดๆ
บทความโดย : แทงบอลออนไลน์
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *